กรณีนายพิสิษฐ์ ณ พัทลุง ประธานมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ มีคำสั่งปลดนายสุรพล ดวงแข เลขาธิการมูลนิธิ ภายหลังถูกนายสุรพลตั้งคำถามเรื่องการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งช้าง 8 เชือกไปประเทศออสเตรเลีย ท่ามกลางการคัดค้านของนักอนุรักษ์ทั่วประเทศ การเป็นที่ปรึกษาของอควอเรียม หรือตู้แสดงปลาขนาดใหญ่ โอเชี่ยนเวิลด์ ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน รวมทั้งการเป็นเจ้าของร้านอาหารเพื่อนรักบ้านเดรัจฉาน ที่มีสัตว์ป่าคุ้มครองและสัตว์ป่าหายากแสดงหลายสิบชนิดนั้น ภายหลังข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป มีการวิพากวิจารณ์กันอย่างหนักในกลุ่มองค์กรอนุรักษ์ รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นผ่านทางเว็บบอร์ดของเว็บไซต์พันทิปดอทคอม (www.pantip.com) ที่เกือบทั้งหมดไม่เห็นด้วยกับการที่ประธานมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าฯ กลับมีสัตว์ป่าคุ้มครองและสัตว์ป่าหายากอยู่ในความครอบครองเสียเอง


นายสัตวแพทย์รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิช กรรมการสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เดิมทีครอบครัวของตนเป็นผู้บริจาคเงินรายใหญ่ให้มูลนิธิ เพราะเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำงานด้านการอนุรักษ์แทนประชาชนได้ดี สมัยนั้นนายพิสิษฐ์เป็นคนพูดจาโน้มน้าวคนเก่ง สามารถทำให้ผู้คนศรัทธาในวิถีการทำงานด้านการอนุรักษ์ได้ แต่ต่อมาหลังจากนายพิสิษฐ์ไปเป็นผู้อำนวยการสวนสัตว์แต่ยังเป็นประธานมูลนิธ ิอยู่ ในฐานะผู้บริจาคเงินรู้สึกไม่ชอบใจเกี่ยวกับการบริหารงานในมูลนิธิ เช่น การที่นายพิสิษฐ์ไปเปิดร้านอาหารที่มีสัตว์แปลกๆ และสัตว์ป่าคุ้มครองมากมายขังในกรงให้คนดูและรับประทานอาหารไป รวมทั้งประเด็นการคัดค้านการสร้างสวนสัตว์เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ที่นายพิสิษฐ์ค้านไม่ค่อยตรงประเด็น จึงไม่บริจาคเงินอีกต่อไป
"ยังเคยคุยแบบทีเล่นทีจริงกับคนในครอบครัวเลยว่า เราจะเอาเงินคืน ไปให้องค์กรอื่นที่เรามั่นใจเรื่องการทำงานอนุรักษ์มากกว่าที่นี่ดีไหม แต่คิดว่าบริจาคแล้วเขาคงไม่ให้คืนหรอก และอีกอย่างยังเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่อีกหลายคนที่ยังตั้งใจทำงานอยู่ ก็ได้แต่ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ตั้งใจทำงานต่อไป" นายสัตวแพทย์รังสฤษฎ์กล่าว
เมื่อถามว่า มีความเห็นอย่างไรกับการที่นายพิสิษฐ์สั่งปลดนายสุรพลออกจากตำแหน่งเลขาธิกา รมูลนิธิ นายสัตวแพทย์รังสฤษฎ์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทราบถึงความอึดอัดใจของคนทำงานในมูลนิธิเกี่ยวกับพฤติกรรมของนาย พิสิษฐ์ จึงไม่ค่อยแปลกใจที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ แต่เรื่องนี้ไม่ถูกต้องแน่นอน เพราะมูลนิธิเป็นองค์กรสาธารณะ ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง
"เป็นผู้นำในองค์กรอนุรักษ์สัตว์ป่า แต่มีสัตว์ป่าอยู่ในครอบครองมันผิดเต็มประตูอยู่แล้ว แม้ว่าจะมาอ้างว่าสัตว์ป่าเหล่านั้นได้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมายก็ตาม" นายสัตวแพทย์รังสฤษฎ์กล่าว
ขณะที่เครือข่ายคณะทำงานด้านทรัพยากรธรรม ชาติหลายสิบองค์กรได้มีการหารือกันและเตรียมแถลงจุดยืนในเรื่องนี้ เนื่องจากมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าฯถือว่าเป็นองค์กรหลักที่ทำงานด้านนี้มายา วนาน ดังนั้น จึงต้องมีแนวทางที่สังคมยอมรับได้ ทั้งนี้ ในส่วนของเครือข่ายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภาคอีสาน ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงนายพิสิษฐ์ โดยระบุว่า ไม่เห็นด้วยกับการปลดนายสุรพล รวมทั้งเรียกร้องให้นายพิสิษฐ์ลาออกจากการเป็นประธานมูลนิธิ เพราะทำผิดหลักการการอนุรักษ์สัตว์ป่าอย่างร้ายแรง
ทั้งนี้ เครือข่ายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภาคอีสาน จะติดตามข้อเรียกร้องนี้อย่างใกล้ชิด หากภายใน 1 เดือน นายพิสิษฐ์ไม่ยอมลาออก เครือข่ายจะร่วมกับนักอนุรักษ์ทั่วประเทศกำหนดมาตรการเพื่อขับไล่นายพิสิษฐ์ ออกจากตำแหน่งให้จงได้