สรุปสถานการณ์มลพิษของประเทศไทย ปี 2551
30 ธ.ค. 2551
สถานการณ์คุณภาพน้ำ
คุณภาพน้ำของแหล่งน้ำผิวดิน อยู่ในเกณฑ์ดี พอใช้ เสื่อมโทรม และเสื่อมโทรมมาก ร้อยละ 23 56 19 และ 2 ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบคุณภาพน้ำ 3 ปีย้อนหลัง (พ.ศ.2549-2551) พบว่าคุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์ดีและพอใช้เพิ่มขึ้น เช่น แม่น้ำเสียว ตรัง ลำตะคองตอนบน พอง ชี ลำปาวและแควใหญ่ มีคุณภาพน้ำเปลี่ยนระดับเป็นเกณฑ์ดี ส่วนแม่น้ำลำตะคองตอนล่าง คุณภาพน้ำยกระดับจากเสื่อมโทรมมากเป็นระดับเสื่อมโทรม แหล่งน้ำที่อยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรมในปี 2550 แล้วเปลี่ยนเป็นเสื่อมโทรมมากในปี 2551 ได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง สาเหตุหลักที่ทำให้คุณภาพน้ำเสื่อมโทรมมาจากน้ำทิ้งชุมชน
คุณภาพน้ำทะเลชายฝั่ง อยู่ในเกณฑ์ดีมาก ดี พอใช้ เสื่อมโทรม และเสื่อมโทรมมาก คิดเป็นร้อยละ 16 48 29 6 และ 1 ตามลำดับ เมื่อเทียบ 3 ปีย้อนหลัง (พ.ศ. 2549-2551) มีแนวโน้มดีขึ้น ทั้งนี้บริเวณชายฝั่งทะเลที่มีคุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรมมากส่วนใหญ่อยู่ในอ่าวไทยตอนใน ได้แก่ บริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา หน้าโรงงานฟอกย้อม กม. 35 ปากคลอง 12 ธันวา จังหวัดสมุทรปราการ ปากแม่น้ำท่าจีน จังหวัดสมุทรสาคร และบางขุนเทียน กรุงเทพฯ ปัญหาที่พบยังคงเป็นปริมาณแบคทีเรียกลุ่ม โคลิฟอร์มทั้งหมด สำหรับภาพรวมคุณภาพน้ำทะเลทั่วประเทศ พบว่า สารแขวนลอยและโลหะหนักสูงเกินค่ามาตรฐานน้ำทะเล
สถานการณ์คุณภาพอากาศและระดับเสียง
สถานการณ์คุณภาพอากาศในภาพรวมดีขึ้น ปัญหามลพิษหลัก คือ ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) ซึ่งพบในพื้นที่สระบุรี (ตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ) ราชบุรี สมุทรปราการ ลำปาง พระนครศรีอยุธยา กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ และนครราชสีมา ทั้งนี้ ยังมีปัญหามลพิษทางอากาศจากก๊าซโอโซนที่เกินมาตรฐานเป็นครั้งคราว เช่น กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร สมุทรปราการ ราชบุรี เป็นต้น ส่วนก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และฝุ่นรวม เกินมาตรฐานบ้างเป็นครั้งคราว
คุณภาพอากาศในกรุงเทพมหานคร พบปัญหาปริมาณฝุ่นขนาดเล็ก (PM10)เกินมาตรฐานในบริเวณ ริมถนน โดยค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ตรวจวัดได้ในช่วง 8.1-205.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินมาตรฐาน ร้อยละ 3.3 ซึ่งมีปริมาณลดลงเทียบกับปีที่ผ่านมา (ปี 2550 ตรวจวัดได้ในช่วง 9.8-242.7 มคก./ลบ.ม. เกินมาตรฐานร้อยละ 4.7) พื้นที่ที่พบปัญหา ได้แก่ ถ.ดินแดง ถ.พระราม 6 ถ.พระราม 4 ถ.ราชปรารภ ถ.พิษณุโลก ถ.สุขุมวิท ถ.เยาวราช ถ.สามเสน ถ.สุขาภิบาล1 เป็นต้น สำหรับพื้นที่ทั่วไปที่เป็นที่อยู่อาศัยจะมีปัญหาก๊าซโอโซนเกินมาตรฐานในทุกพื้นที่ ตรวจวัดได้อยู่ในช่วง 0.0-151.0 ส่วนในพันล้านส่วน (ppb) เกินมาตรฐานร้อยละ 0.3 ซึ่งมีปริมาณสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา (ปี 2550 ตรวจวัดได้ในช่วง 0.0 – 186.0 ppb เกินมาตรฐานร้อยละ 0.2)
คุณภาพอากาศในเขตปริมณฑล ในจังหวัดสมุทรปราการพบปัญหาฝุ่นขนาดเล็ก (PM10) ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง อยู่ในช่วง 12.2-249.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) เกินมาตรฐานร้อยละ 4.9 ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา (ปี 2550 ตรวจวัดได้ในช่วง 10.5-461.5 มคก./ลบ.ม. เกินมาตรฐานร้อยละ 16.4) ทั้งนี้แหล่งกำเนิดของฝุ่นละอองเหล่านี้เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรม ยานพาหนะ รวมถึงการก่อสร้าง สำหรับจังหวัดปทุมธานี สมุทรสาคร และนนทบุรี พบ PM10 เกินมาตรฐานเป็นครั้งคราว ส่วนก๊าซโอโซนส่วนใหญ่จะเกินมาตรฐานมากที่สุดที่จังหวัดนนทบุรี รองลงมาคือ ปทุมธานี สมุทรสาครและสมุทรปราการ
คุณภาพอากาศในพื้นที่ต่างจังหวัด ปัญหาหลักคือ PM10 พื้นที่ที่มีปัญหามากที่สุด คือ ตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี ซึ่งมีความรุนแรงน้อยลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยปี 2551 ตรวจได้ 15-283.0 มคก./ลบ.ม. และมีจำนวนครั้งที่เกินมาตรฐานร้อยละ 14.1 (ปี 2550 ตรวจวัดได้ 31.0-302.2 มคก./ลบ.ม. เกินมาตรฐานร้อยละ 29.3) สาเหตุหลักมาจากอุตสาหกรรมโรงโม่ บดและย่อยหิน อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ กิจกรรมขนส่งและการจราจรในพื้นที่ จังหวัดที่ประสบปัญหา PM10 ยังมีจังหวัดราชบุรี จังหวัดลำปาง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดนครสวรรค์