นายนิคม  พุทธา เลขาธิการเครือข่ายคุ้มครองสัตว์ป่าไทย กล่าวว่า ปัญหาไฟป่าและหมอกควันในจังหวัดเชียงใหม่ ปีนี้นับว่ารุนแรงมากกว่าทุกปี จึงอยากจะให้หน่วยงานที่รับผิดชอบได้ค้นหากลยุทธิ์ใหม่ ๆ ในการแก้ไขปัญหา เช่น การกระจายอำนาจให้องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น และการเปิดโอกาสให้เครือข่ายองค์กรชาวบ้านในแต่ละหมู่บ้านช่วยกันดูแลรักษาป่า และแก้ไขปัญหาไฟป่าด้วยตนเอง   
เลขาธิการเครือข่ายคุ้มครองสัตว์ป่าไทย กล่าวอีกว่า กรณีไฟไหม้ดอยหลวงเชียงดาว ปีนี้นั้น เกิดจากนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งที่ไปพักแรมบริเวณอ่างสลุงแล้วก่อไฟ ในช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทั้ง ๆ ที่กฎระเบียบของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยหลวงเชียงดาวนั้น ห้ามมิให้นักท่องเที่ยวก่อไฟ แต่นักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวยังฝ่าฝืน และไฟได้ไหม้ลุกลามไปอย่างรวดเร็วและรุนแรงขยายวงกว้าง กว่า 1,000 ไร่ ทำลายระบบนิเวศน์ของพืชและสัตว์ไปอย่างน่าเสียดาย เพราะระบบนิเวศน์ของพืชและสัตว์บนดอยหลวงเชียงดาวนั้น มีลักษณะที่เปราะบาง และมีพันธุ์พืชและสัตว์ป่าที่หายาก ใกล้สูญพันธ์ มีเฉพาะถิ่น 
“จึงอยากจะขอให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ปรับเปลี่ยนระยะเวลาที่จะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวดอยหลวงเชียงดาวได้ จากเดิม 5 เดือน ช่วงพฤศจิกายน ถึงมีนาคม ทุกปี  มาเป็น พฤศจิกายน– กุมภาพันธ์ ระยะเวลา 4 เดือนก็พอ เพื่อลดปัญหาภาวะความเสี่ยงการเกิดไฟป่า ที่เกิดจากนักท่องเที่ยว เพราะในช่วงเดือน มีนาคม นั้น ทั้งพื้นที่ป่าและอากาศก็แห้งแล้งมาก”นายนิคม กล่าว