วันที่ 2 เมษายน นายเกษมสันต์ จิณณวาโส อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) แถลงข่าวว่า ขณะนี้กรมอุทยานฯ ร่วมกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ช่วยเหลือนกแร้งน้ำตาลหิมาลัยที่อดอาหาร บาดเจ็บ และบินมาตกในพื้นที่ต่างๆ จำนวน 10 ตัวด้วยกัน หลังจากนำมาดูแล ฟื้นฟูสุขภาพ ตรวจโรค จนขณะนี้ทั้ง 10 ตัว มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ พร้อมจะกลับไปใช้ชีวิตในธรรมชาติแล้ว กรมอุทยานฯ จะทำการปล่อยนกแร้งเหล่านี้คืนสู่ธรรมชาติในวันที่ 9 เมษายน ที่บริเวณป่าเต็งรัง หน่วยพิทักษ์ป่าซับฟ้าผ่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยอยู่บนเส้นทางอพยพของอีแร้งชนิดนี้ 
“ช่วงเวลานี้เป็นช่วงอพยพกลับของนกอพยพกลุ่มใหญ่ นกแร้งทั้ง 10 ตัวนี้อาจจะบินไปพร้อมกับฝูงนกแร้งที่บินผ่านมาก็ได้ แต่หากพวกมันยังไม่พร้อมที่จะบินไปก็ยังสามารถอยู่ในพื้นที่ได้อย่างปลอดภัย เพราะเราจะให้เจ้าหน้าที่วางซากวัวผ่าท้องครั้งละ 1 ตัว สัปดาห์เว้น สัปดาห์ ถือเป็นการฝึกให้นกเรียนรู้การหากินในธรรมชาติด้วย”นายเกษมสันต์ กล่าว


นายสัตวแพทย์ไชยยันต์ เกษรดอกบัว หัวหน้าหน่วยฟื้นฟูนกล่าเหยื่อ คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ทางหน่วยฟื้นฟูนกล่าเหยื่อร่วมกับกรมอุทยานฯ จะทำร้านอาหารแร้ง เป็นร้านนำร่องในพื้นที่ ป่าซับฟ้าผ่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งด้วย โดยจะนำเอาซากวัว หรือควาย ที่ตรวจสอบแล้วว่าไม่มีโรค ไปผ่าท้อง นำไปทิ้งไว้ในช่วงเช้ามืด ซึ่งเป็นเวลาที่แร้งมักจะลงกินอาหาร การสร้างร้านอาหารแร้ง ถือว่าเหมาะสมมากในช่วงเวลาที่ซากสัตว์ในธรรมชาติ ซึ่งเป็นอาหารนกแร้งขาดแคลน เพราะจะช่วยเหลือให้นกแร้งรอดชีวิตมากยิ่งขึ้น 
“ในประเทศเขมรนั้นเขาสร้างร้านอาหารแร้งไว้ถึง 7 แห่งในพื้นที่ป่าที่มีนกแร้งบินผ่าน ปรากฏว่า ช่วงปีที่ผ่านมามีรายงานว่า มีประชากรนกแร้งในเขมรเพิ่มขึ้นถึง 190 ตัว” น.สพ. ไชยยันต์ กล่าว
เมื่อถามว่านกแร้ง ทั้ง 10 ตัวที่ปล่อยไปนั้นติดเครื่องหมายอะไรบ้าง น.สพ.ไชยยันต์ กล่าวว่า ติดเครื่องหมายที่ปีก และขา ทุกตัวจะมีรหัสประจำตัว โดยขณะนี้ทางหน่วยฟื้นฟูนกล่าเหยื่อ และชมรมดูนก ได้แจ้งให้เครือข่ายนักดูนกทั่วโลกที่อยู่ในเส้นทางการบินของนกอพยพกลุ่มนี้ทราบเรื่องการปล่อยในวันที่ 9 เมษายน และขอให้ทุกคนแจ้งข่าวผ่านทางอีเมล์ หากเจอนกเหล่านี้บินอยู่ที่ไหน