ไซเตสโหวต ฉลามหัวค้อน กระเบนราหู ได้เข้าบัญชีที่ 2

ไซเตสโหวต ฉลามหัวค้อน กระเบนราหู ได้เข้าบัญชีที่ 2

11 มี.ค. 2556

วันที่ 11 มีนาคม ด.ญ.ณณิชา เศรษฐพรพงศ์ อายุ 12 ปี และ ด.ช.ภวินท์ เสธฐภักดี อายุ 10 ปี ตัวแทนนักอนุรักษ์รุ่นใหม่และทูตเยาวชนโครงการ Fin Free Thailand  ได้เดินทางมาที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งมีการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพันธุ์พืชที่ใกล้สูญพันธุ์(ไซเตส) เพื่อยื่นหนังสือถึง นายวิมล จันทโรทัย อธิบดีกรมประมง เพื่อขอให้ประเทศไทยสนับสนุนข้อเสนอของประเทศ บราซิล โคลอมเบีย คอสตาริกา เดนมาร์ก เอกวาดอร์ ฮอนดุรัส และเม็กซิโก ที่เสนอให้ฉลามหัวค้อน และปลากระเบนราหู หรือ แมนตาเรย์ เข้าไปอยู่ในบัญชีที่ จากเดิมที่ไม่อยู่ในบัญชีใดๆเลย โดยเยาวชนทั้ง คน ได้ยื่นรายชื่อคนไทยที่ร่วมลงชื่อเพื่อสนับสนุนข้อเสนอดังกล่าวผ่านเว็บไซต์ http://www.change.org/vote4shark จำนวน 4,000 รายชื่อ ให้แก่นายวิมลด้วย


นส.แนนซี กิบสัน ประธานมูลนิธิรักษ์สัตว์ป่า กล่าวว่า ฉลามหัวค้อน และกระเบนราหู เป็นสัตว์ที่พบเห็นได้ในน่านน้ำทะเลประเทศไทย ทุกวันนี้ จำนวนที่ลดลงของสัตว์ทั้ง ชนิด ทำให้นักดำน้ำและผู้ประกอบการท่องเที่ยวด้านการอนุรักษ์กังวลใจมาก เพราะสัตว์ทะเลทั้งสองชนิดเป็นเหมือนสิ่งดึงดูดที่สำคัญที่ทำให้พวกเขามาท่องเที่ยวดำน้ำในประเทศไทย
“มันจะสายเกินไป ถ้าเราต้องรอจนถึงการประชุมไซเตสครั้งหน้าในการเริ่มอนุรักษ์ฉลามและกระเบนราหูยักษ์ กระเบนราหูยักษ์สามารถตกลูกได้เพียง ตัวเท่านั้นตลอดชีวิตของมัน และเราคงจะไม่ได้เห็นพวกมันอีกถ้าเรายังไม่เริ่มสนับสนุนการอนุรักษ์ในการประชุมครั้งนี้” นส.แนนซีกล่าว
นายวิมล กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีมากที่เยาวชนไทยและคนไทยตระหนักในเรื่องนี้ สำหรับประเทศไทยนั้นเห็นด้วยเต็มที่ ที่จะสนับสนุนให้กระเบนราหู และฉลามหัวค้อนไปอยู่ในบัญชี 2


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทุกวันนี้ ฉลามและกระเบนราหูยักษ์กำลังถูกคุกคามอย่างหนักจากธุรกิจประมง ที่ล่าเพื่อนำครีบฉลามและกระดูกซี่กรองกระเบนราหูยักษ์ไปบริโภค การประมงที่ทำทั้งอย่างถูกกฎหมายและผิดกฎหมายทำให้จำนวนประชากรฉลามและกระเบนราหูยักษ์ทั่วโลกลดลงอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะตอบสนองตลาดดังกล่าว
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการโหวตเพื่อลงมติให้ฉลามหัวค้อน นั้นปรากฏว่า ที่ประชุมโหวตให้ฉลามหัวค้อนทั้ง สายพันธุ์ และกระเบนราหู ได้ผ่านมติเข้าไปอยู่ในบัญชีที่ อย่างเป็นเอกฉันท์

ที่มา

  • ห้องข่าวกระทรวงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
Powered by Wimut Wasalai