เสือบาดเจ็บลำปางตายแล้ว ผู้เชี่ยวชาญชี้วิถีแห่งเสือต้องเดิน เป็นบทเรียนยิ่งใหญ่

เสือบาดเจ็บลำปางตายแล้ว ผู้เชี่ยวชาญชี้วิถีแห่งเสือต้องเดิน เป็นบทเรียนยิ่งใหญ่

19 ม.ค. 2560

ห้องข่าวกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

วันที่ 18 มกราคม  นายชนมภูมิ จอมทัน ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์(สบอ.) ที่ 13 สาขาลำปาง กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช  เปิดเผยว่า  ทางส่วนงานอนุรักษ์สัตว์ป่าได้รับรายงานว่า เสือโคร่งที่บาดเจ็บอยู่ในไร่มันริมถนนสายลำปาง – ตาก เขต ต.แม่ถอด อ.เถิน จ.ลำปาง เมื่อวันที่ มกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เข้าช่วยเหลือ และส่งไปรักษาที่สถานีอนุรักษ์สัตว์ป่าห้วยยางปาน อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ นั้น

หลังจากที่คณะสัตวแพทย์ทำการช่วยเหลือนานกว่า สัปดาห์ได้ตายลงขณะจะนำตัวไปรักษาต่อที่ไนท์ซาฟารี จ.เชียงใหม่ เนื่องจากบาดแผลเกิดอักเสบ และคาดว่าจะติดเชื้อ เนื่องจากได้รับบาดเจ็บจากการถูกกระสุนปืนลูกซองยิงเข้าใส่ เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ทำการเอกซเรย์ดูพบว่ามีกระสุนลูกปราย จำนวน เม็ด ถูกทั่วไปตามขา ลำตัวด้านท้าย และสะโพก ซึ่งบริเวณสะโพกท้ายถือว่ามีบาดแผลที่ใหญ่สุด

 นายชนมภูมิกล่าวว่า ทางส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สบอ.13 จะรอหนังสือรายงานผลการรักษาและการตายของเสือตัวนี้จากสถานีอนุรักษ์สัตว์ป่าห้วยยางปาน อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ เข้ามา จากนั้นจะรวบรวมเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ฝ่ายกฎหมายนำเข้าเข้าแจ้งความกับทาง สภ.เถิน อ.เถิน จ.ลำปาง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พบเสือบาดเจ็บหลังถูกยิง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนหาตัวคนยิงมาดำเนินคดี เพราะเสือโคร่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ที่ห้ามล่า หรือพยายามล่า ห้ามค้า ห้ามนำเข้า หรือส่งออก ซึ่งกรณีที่มีคนยิงเสือก็จะต้องสืบสวนนำตัวมาทำการสอบสวนถึงสาเหตุที่ยิง จนทำให้เสือบาดเจ็บ และตายลง 


เสือโคร่งตัวดังกล่าวเป็นเสือเพศผู้ อายุประมาณ ปีกว่า น้ำหนักตัว 150 กิโลกรัม 

ด้านนายศักดิ์สิทธิ์ ซิ้มเจริญ หัวหน้ากลุ่มงานวิจัยสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชกล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่เสือตาย แต่สิ่งที่กรมอุทยานฯ ได้รับจากเสือตัวนี้ ไม่ได้มีเฉพาะเรื่องความเสียใจและเสียดายเท่านั้น แต่ทำให้ได้เรียนรู้และสามารถสร้างความตระหนักที่มีต่อการอนุรักษ์เสือโคร่งได้มากในระดับหนึ่ง

"ผมยืนยันว่าการที่เสือต้องออกเดินทาง เป็นวิถีชีวิตที่ต้องไปหาอาณาจักรของตนเองเมื่อถึงเวลาของมัน บางตัวโชคดีเดินไปยังเส้นทางที่เข้าสู่ป่าอนุรักษ์ก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้จนสิ้นอายุขัย แต่บางตัวโชคร้ายที่เดินไปใกล้ถิ่นที่อยู่ของคนเหมือนเจ้าตัวนี้ แต่ถามว่า เมื่อพวกมันต้องเดิน มันจะรู้หรือไม่ว่าต้องเดินไปที่ไหน ตอบว่าไม่มีเสือตัวไหนรู้ มีทางให้เดินมันก็จะเดินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้เจออาณาจักรที่มันรู้สึกว่าเหมาะสมกับตัวเอง เป็นวิถีแห่งเสือโคร่งในธรรมชาติ กรณีที่เกิดขึ้นนี้แม้เราเสียเสือโคร่งตัวหนึ่งไป แต่ผมมั่นใจว่าสิ่งที่จะได้กลับมาก็คือ ทำให้คนในพื้นที่นั้นมีความตื่นตัว และตระหนักในเรื่องการอนุรักษ์เสือในธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ผมไม่อยากจะโทษใครแม้กระทั่งชาวบ้านที่ยิงเสือ เพราะค่อนข้างเชื่อว่านี่ไม่ใช่การล่า แต่อาจจะเป็นเรื่องการป้องกันตัวหรืออะไรก็ไม่ทราบ "นายศักดิ์สิทธิ์กล่าว

เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่า ในพื้นที่ดังกล่าวยังมีเสือโคร่งอีกตัว เพราะชาวบ้านเห็นร่องรอย นายศักดิ์สิทธิ์ กล่าวว่า  ซากวัวที่ชาวบ้านเห็นว่ามีรอยถูกกัดแทะนั้นไม่น่าจะใช่รอยกัดแทะของเสือโคร่ง เพราะโดยพฤติกรรมของเสือโคร่งแล้วจะเริ่มกัดแทะเหยื่อจากบริเวณกระดูกชายโครงก่อน ไม่ใช่กัดจากด้านใน ทั้งนี้ ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าวัวตัวที่ตายนั้น ตายก่อนแล้วมีสัตว์ไปแทะซาก หรือโดนสัตว์อื่นฆ่าตาย
Powered by Wimut Wasalai