ชาวสวนลุมผวาเหี้ยวิ่งตัดหน้า ร้อง กทม. จับ กรมอุทยานติงเบา ๆ เหี้ยไม่ทำร้ายใครก่อน
ชาวสวนลุมผวาเหี้ยวิ่งตัดหน้า ร้อง กทม. จับ กรมอุทยานติงเบา ๆ เหี้ยไม่ทำร้ายใครก่อน
19 ก.ย. 2559
กรณีสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร(กทม.) มีโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในสวนลุมพินี โดยจะเข้าจับตัวเหี้ยที่เบื้องต้นมีมากกว่า 400 ตัวไปไว้ที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน จ.ชลบุรี เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่เข้าไปออกกำลังกายว่า ตัวเหี้ยออกมาสร้างความหวาดกลัวให้ เช่น วิ่งตัดหน้าขณะกำลังวิ่ง หรือปั่นจักรยานนั้น
วันที่19 กันยายน นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า หลังจากทราบเรื่องนี้ ได้สั่งการให้นางเตือนใจ นุชดำรงค์ ผู้อำนวยการสำนักสัตว์ป่า ประสานไปยังสำนักสิ่งแวดล้อม กทม. เพื่อร่วมกันดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดย กทม. จะเข้าไปจับตัวเหี้ยโดยพลการไม่ได้ เนื่องจากเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง จะต้องแจ้งให้กรมอุทยานฯ รับทราบและร่วมดำเนินการด้วย
นางเตือนใจกล่าวว่าเบื้องต้นได้ประสานทำความเข้าใจไปทาง กทม. แล้วว่าความจริงแล้ว ตัวเหี้ยนั้นไม่ใช่สัตว์อันตรายที่จะไปจู่โจมทำร้ายใครก่อน ยกเว้นว่าทำให้มันตกใจ พื้นที่เช่นสวนลุม หรือบริเวณสวนสัตว์ดุสิต เป็นพื้นที่เดิมที่มีตัวเหี้ยอาศัยมาก่อน แต่เวลาต่อมา คนไปรุกรานสร้างสิ่งก่อสร้างในที่อยู่ของมัน แต่สัตว์พวกนี้มีการปรับตัวได้ดี จึงอาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวได้ เบื้องต้นทาง กทม. เข้าใจเรื่องนี้ดี แต่เมื่อได้รับการร้องเรียนจากประชาชนก็ต้องหาวิธีจัดการ เพื่อไม่ให้เพิ่มประชากรตัวเหี้ยให้มากไปกว่านี้
"มีรายงานว่าที่สวนลุมพบตัวเหี้ยประมาณ 400 ตัว มันเพิ่มปริมาณอย่างรวดเร็ว เพราะที่นั่นมีอาหารการกินที่ค่อนข้างจะอุดมสมบูรณ์ ไม่มีใครทำร้าย พวกมันก็อยู่กันอย่างมีความสุข แต่การที่มีคนร้องเรียนว่าสัตว์พวกนี้ทำให้เขาหวาดกลัว ทำให้ กทม. ต้องเข้าไปจัดการนั้น ในส่วนของกรมอุทยานฯ เห็นว่า หากจะจับออกไปทั้งหมดคงทำไม่ได้ อาจต้องจับออกไปแค่ส่วนหนึ่ง ซึ่งในวันที่ 20 กันยายน ที่จะเข้าไปจัดการนั้น อาจจะจับแค่ 40 ตัวเท่านั้น และใช้วิธีตามหาไข่ที่ฝังอยู่ตามที่ต่างๆ แล้วเอาไปทำลาย เป็นการควบคุมประชากรอย่างหนึ่ง เพราะจะให้จับมาทำหมันนั้นคงจะไม่คุ้ม เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายตัวละเกือบหนึ่งพันบาท ทั้งนี้ตัวเหี้ยจะวางไข่ครั้งละ 40-60 ฟอง ใช้เวลาฟักประมาณ 7-9 เดือน สำหรับตัวเหี้ยที่จะจับไปไว้ที่ศูนย์เพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสนนั้น คงต้องไปอยู่กับตัวเหี้ยที่เคยจับจากที่ต่างๆ มาไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งมีอยู่แล้วประมาณ 100 ตัว สถานที่ที่อยู่เป็นบ่อคอนกรีต เชื่อว่า พวกมันคงมีความสุขไม่เท่ากับอยู่ในสวนลุมอย่างแน่นอน" ผู้อำนวยการสำนักสัตว์ป่า กล่าว
นางเตือนใจกล่าวว่าก่อนหน้านี้ กรมอุทยานฯ เคยเสนอให้นำตัวเหี้ยออกจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง เพื่อให้สามารถเพาะพันธุ์ เอาหนังไปขายได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ข้อเสนอดังกล่าว มีผู้ไม่เห็นด้วยหลายฝ่าย ปัจจุบันปริมาณตัวเหี้ยในธรรมชาติจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ผิดกับที่ประเทศ อินโดนีเซีย หรือมาเลเซีย ที่สามารถเพาะเลี้ยงและส่งออกได้ ปัจจุบัน ทั้ง 2 ประเทศ ส่งออกปีละ 1 แสนตัว ทำให้ปัจจุบันนี้มีปริมาณตัวเหี้ยในธรรมชาติลดลงอย่างรวดเร็ว
วันที่
นางเตือนใจกล่าวว่า
"มีรายงานว่า
นางเตือนใจกล่าวว่า