ไทยเชื่องช้า แมวไทยสี่ชนิดกลายเป็นของต่างชาติไปแล้ว

ไทยเชื่องช้า แมวไทยสี่ชนิดกลายเป็นของต่างชาติไปแล้ว

9 ต.ค. 2559

วันที่ ตุลาคม ที่ศูนย์แสดงสินค้า อิมแพ็ค เมืองทองธานี ภายในงาน Pet variety สิ่งมหัศจรรย์ของโลกสัตว์เลี้ยง มีการประกวดแมวไทยแท้สายพันธุ์โบราณ เช่น พันธุ์วิเชียรมาศ ขาวมณี โกนจา (แมวดำ) โคราช ศุภลักษณ์ และแมวสายแมวสายพันธุ์แปลกอีกหลายรางวัล มีแมวพันธุ์ไทยโบราณเข้าร่วมประกวดจำนวน 70 ตัวจากทั่วประเทศ โดยมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากศูนย์แมวไทยโบราณนานาชาติ และสมาคมอนุรักษณ์แมวจากประเทศอังกฤษเป็นกรรมการตัดสิน 

นส.พนารัตน์ คำฉัตร ผู้จัดงาน ให้สัมภาษณ์ว่า จุดประสงค์หลักการจัดงานครั้งนี้คือการอนุรักษ์แมวไทยโบราณเอาไว้ เพราะจากการศึกษาสายพันธุ์แมวไทยมานั้นพบว่า ปัจจุบันเหลือเพียง สายพันธุ์เท่านั้น คือ แมววิเชียรมาศ แมวโคราช แมวขาวมณี แมวศุภลักษณ์ และแมวโกนจา และที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือ ใน ของสายพันธุ์ที่กล่าวมานี้ ถูกต่างชาตินำไปจดสิทธิบัตรไปเรียบร้อยแล้ว กล่าวคือ แมวพันธุ์วิเชียรมาศ จดโดยประเทศอังกฤษ ขาวมณี โกนจา และโคราช จดโดยประเทศสหรัฐอเมริกา เหลือเพียง ศุภลักษณ์ เท่านั้นที่ยังไม่มีใครนำไปจดทะเบียน โดยเวลานี้สมาคมอนุรักษ์แมวไทยโบราณกำลังพยายามดำเนินการอยู่แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ เพราะจะต้องรวบรวมแมวศุภลักษณ์ให้ได้ 200 ตัวเป็นอย่างน้อยเพื่อนำไปขึ้นทะเบียน และทุกตัวต้องมีการพิสูจน์เอกลักษณ์ตามลักษณะแมวศุภลักษณ์แท้ดั้งเดิม


"จึงขอประกาศในที่นี้เลยว่า ผู้ใดที่มีแมวศุภลักษณ์หรือแมวทองแดง ซึ่งเป็นแมวที่หายากที่สุดในบรรดาแมวไทยโบราณ คือมีลักษณะ ขนสีทองแดงเสมอทั้งตัว ไม่มีแต้มบริเวณหน้า หาง ขา และอวัยวะเพศ รูปร่างได้สัดส่วน มีหนวดสีทองแดง ตาสีเหลืองอำพัน อุ้งตีนสีชมพูอมส้ม ให้ถ่ายรูปส่งมาให้สมาคมแมวไทยโบราณดู หากตัวไหนมีลักษณะครบตามตำรา ก็จะรวบรวม เพื่อส่งให้สมาคมแมวนานาชาติขึ้นทะเบียน ยอมรับให้ศุภลักษณ์สามารถจดสิทธิบัตรเป็นแมวไทยให้ทั่วโลกยอมรับได้ เวลานี้เราสามารถรวบรวมแมวศุภลักษณ์ ที่พิสูจน์เอกเรียบร้อยแล้วได้แค่ 40 ตัว เท่านั้น เราต้องมีอย่างน้อย 200 ตัว ถึงจะขึ้นทะเบียนจดสิทธิบัตรได้ โดยติดต่อมาที่ TIMBA สมาคมแมวไทยโบราณนานาชาติ หรือ ทางไลน์ ที่ @timba" นส.พนารัตน์กล่าว

นส.พนารัตน์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ทั้งประเทศสหรัฐและอังกฤษ ก็มีความพยายามจะเอาแมวศุภลักษณ์ไปจดสิทธิบัตรด้วย แต่จำนวนแมวยังไม่เพียงพอเช่นเดียวกัน เวลานี้จึงอยู่ที่ว่า ใครได้แมวครบ 200 ตัวก่อน จึงต้องขอความร่วมมือไปยังคนไทยที่เป็นเจ้าของแมวศุภลักษณ์ด้วย

เมื่อถามว่า การที่ต่างชาตินำแมวไทย ไปจดสิทธิบัตรจะทำให้ประเทศไทยเสียผลประโยชน์อะไรบ้าง นส.พนารัตน์ กล่าวว่า   
เสียประโยชน์มากในแง่การรักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ทั้งในแง่เศรษฐกิจและคุณค่าของความเป็นแมวไทยเช่น เมื่อต่างชาตินำไปจดสิทธิบัตรก็จะกลายเป็นผู้นำสามารถเปลี่ยนแปลงลักษณะเด่นด้านต่างๆ ได้แต่ยังคงใช้ชื่อว่าแมวไทยอยู่ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเช่นแมวไทยโคราชที่ถูกนำไปจดสิทธิบัตรแล้วมีความพยายามนำไปผสมกับแมวอื่นๆ จนมีลักษณะเปลี่ยนแปลงไปจากความเป็นแมวโคราชดั้งเดิมแต่ยังใช้ชื่อแมวไทยอยู่

"คนต่างชาติชอบลักษณะของแมวไทยมาก แต่ละปีซื้อขายกันอย่างน้อย 50-100 ตัว หาซื้อกันยากเพราะไม่รู้ว่าจะไปซื้อที่ไหน บางทีก็ได้พันธุ์ที่ไม่แท้กลับไป ตามสมุดข่อยโบราณ เรามีแมวพันธุ์ไทยที่มีต้นกำเนิดจากประเทศเราจริงๆ เราจึงต้องเป็นผู้นำในการกำหนดลักษณะไม่ใช่ให้คนชาติอื่นกำหนดลักษณะหรือลักษณะความเป็นแมวไทยเปลี่ยนแปลงไปซึ่งเวลานี้เกิดขึ้นแล้วกับ แมวโคราชและพันธุ์ขาวมณี แต่ยังมีการอ้างชื่อว่าเป็นแมวไทยอยู่" นส.พนารัตน์กล่าว

Powered by Wimut Wasalai