เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ คณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยภาคเอกชนและภาคประชาชนรอบเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ทั้งในจังหวัดนครราชสีมา สระบุรี และปราจีนบุรี ประชุมร่วมกันเป็นครั้งที่ ๒/๒๕๕๙ โดยมีวาระสำคัญในการพิจารณาคือเรื่องการก่อสร้างรั้วกันตกบริเวณจุดชมวิวผาเดียวดาย นายครรชิต ศรีนพวรรณ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กล่าวถึงความเป็นมาในการก่อสร้างรั้วกันตกบริเวณผาเดียวดายว่า สืบเนื่องจากมีผู้บริหารเดินทางมายังผาเดียวดายแล้วมีความกลัวว่าจะมีนักท่องเที่ยวพลัดตกลงไปจึงเสนอให้ทำรั้วกั้นแบบเดียวกับที่จางเจียเจี้ย ในประเทศจีน 

ทางอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้ทำบันทึกกลับไปว่าการจะทำโครงการเช่นนี้ต้องมีรายละเอียดแบบแผนการก่อสร้างและคำนึงถึงความปลอดภัยอื่น ๆ ด้วย จึงมีการทำรายงานสำรวจความพึงพอใจจากนักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวผาเดียวดายจำนวน ๒๐๐ ชุด ซึ่ง ๖๔ เปอร์เซ็นต์ตอบว่าควรมีรั้วกัน ในแบบสอบถามยังมีรั้วให้เลือกสี่แบบ ซึ่งในจำนวนนี้ ๔๐ เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่เห็นด้วยให้ก่อสร้าง ไม่เลือกแบบใดแบบหนึ่ง นอกจากนี้ในแบบสอบถามมิได้มีคำถามถึงทางเลือกอื่นในการป้องกันความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว ตนเห็นว่าตามขั้นตอนการทำงานนี้จำเป็นต้องขอปรึกษาคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เพื่อจะได้ทราบว่าควรดำเนินการอย่างไรต่อไป 


ที่ประชุมได้อภิปรายถึงความจำเป็นและความเหมาะสมในการก่อสร้างรั้วกันตก โดยเปรียบเทียบกับกับผาหล่มสัก ที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย และอีกหลายแห่งที่ดูเป็นจุดล่อแหลม แต่มิได้สร้างรั้วกั้น เนื่องจากคนเราจะมีจุดที่กลัวแล้วหยุดชะงักเมื่อเห็นสิ่งอันตรายหรือมีจุดอันตรายอยู่ข้างหน้า หากมีการก่อสร้างรั้วจะยิ่งทำให้คนเข้าไปเกาะรั้ว หรือปีนรั้วเพื่อถ่ายรูปจะยิ่งทำให้เกิดอันตรายมากขึ้นกว่าเดิม 

พร้อมกันนี้ยังควรคำนึงด้วยว่าบริเวณผาเดียวดายเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของเลียงผา โดยจากข้อมูลของช่างภาพในพื้นที่พบว่าตั้งแต่ประมาณปี ๒๕๕๐ กว่าเป็นต้นมา ได้มีผู้บันทึกภาพเลียงผาบริเวณผาเดียวดายได้เสมอ ล่าสุดในปี ๒๕๕๙ มีผู้พบเลียงผา ๒ ตัว แสดงให้เห็นว่าบริเวณนี้เป็นที่อยู่อาศัยของเลียงผา ไม่ควรมีการก่อสร้างที่จะเป็นการรบกวนความเป็นอยู่ของสัตว์ป่าอีกต่อไป 

คณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มีมติว่า การสร้างรั้วกันตกจะเป็นการดำเนินการที่ผิดหลักบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติ ทำให้สูญเสียภูมิทัศน์และความสวยงามตามธรรมชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของผาเดียวดาย การป้องกันคนตกนั้นสามารถกระทำได้ด้วยวิธีอื่น หากมีการสร้างรั้วกันตกอาจส่งผลต่อหินบริเวณหน้าผาให้แตกร้าวหรือพังทลายได้ และอาจส่งผลกระทบต่อความเป็นมรดกโลก ส่งผลต่อความเป็นอยู่ของพรรณพืชและสัตว์บางชนิด 

หากเหตุผลดังกล่าวมายังไม่เพียงพอ คณะกรรมการที่ปรึกษาฯ ขอเสนอให้มีการทำการศึกษาวิจัยบริเวณผาเดียวดาย เพื่อประกอบการตัดสินใจให้รอบคอบขึ้น ทั้งนี้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่จะได้นำเสนอมติของคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ต่อผู้บริหารกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืชต่อไป
 
พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เรื่องการก่อสร้างรั้วกันตกบริเวณจุดชมวิวผาเดียวดายเป็นนโยบายของตน เนื่องจากเป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวที่อาจจะพลัดตกลงไปได้ ส่วนรายละเอียดและรูปแบบในเรื่องการก่อสร้างนั้นเป็นเรื่องของกรมอุทยานฯ และอุทยานฯ เขาใหญ่ที่จะไปหารือกันในเรื่องรูปแบบที่เหมาะสมต่อไป หรือหากบอกว่าไม่ต้องมีการสร้างรั้วกันตก ต้องปิดพื้นที่ไม่ให้เข้าไปเลยหรือไม่ 

“ที่ผ่านมาแม้ยังไม่เคยมีคนตกลงไปตาย แต่บริเวณดังกล่าวมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายสูงมาก และจากการที่เจ้าหน้าที่ไต่เขาลงไปดูด้านล่างของหน้าผา พบอุปกรณ์สิ่งของต่างๆ ของนักท่องเที่ยว เช่น กล้องถ่ายรูปหล่นลงมาจำนวนมาก โดยเฉพาะการยืนหันหลังถ่ายรูปมีโอกาสตกลงไปสูงมาก เขาก็คิดมาดีแล้วเพื่อรักษาชีวิตคน แต่ออกมาจะสวยหรือไม่สวยเข้ากับธรรมชาติหรือไม่ก็ต้องเป็นเรื่องที่ไปคิดกัน ตรงจุดชมวิวอื่นๆ บนเขาใหญ่ก็มีที่กันคนตกทั้งนั้น เมื่อคนเข้าไปมากๆ เราก็ไม่รู้จะป้องกันคนตกอย่างไร กรณีคนตกจากจุดชุมวิวแหล่งท่องเที่ยวเคยเกิดขึ้นแล้วที่ภูชี้ฟ้า จ.เชียงราย มีคนตกลงมาเสียชีวิต ที่นี่ไม่ต้องรอให้คนตกลงมาแล้วค่อยทำ เดี๋ยวพอคนตกก็จะมาโทษเราว่าวัวหายแล้วล้อมคอก ไม่รู้ว่าคนที่ต่อต้านเขาเข้าใจหรือไม่ว่าไม่ใช่การสร้างรั้ว แต่เป็นการสร้างที่กันตก พื้นที่ก่อสร้างก็ไม่ได้ยาวมาก แค่เพียงนิดเดียว ก็เหมือนมีระเบียงแต่ไม่มีราวระเบียง น่ากลัวหรือไม่ ถ้าเด็กลูก ๆ ใครตกลงไป มันก็ไม่คุ้ม “ คนในพื้นที่คงมั่นใจว่าตัวเองไม่ตก แต่คนที่มาเที่ยวตกก็เป็นเรื่องของท่านหรือไม่ ก็ต้องแล้วแต่เขา ไม่เอาก็ต้องมาคุยกันดู เพียงแต่เราคิดว่าถ้าคนตกลงมาตายสักคนมันไม่คุ้ม แล้วคนที่ต่อต้านจะประกันชีวิตเขายังไง เอาชีวิตลูก หลานเขาคืนกลับมาได้หรือไม่ โอกาสตกมีสูงมาก ยิ่งในเทศกาลที่คนไปเยอะๆ เพราะผมไปมาแล้ว ไปกันหลายคนถามว่าจะเซฟอย่างไร ก็ไม่มีใครตอบได้ ดังนั้นก็ให้ไปพิจารณาดู ถ้าไม่สร้างรั้วกันตกแล้วปล่อยให้คนตกลงไป เราก็จะโดนหนักกว่านี้ ดังนั้นให้คนที่ต่อต้านมาคุยกันแล้วไปดูด้วยกันผมคิดว่าจะดีที่สุด คนที่ต่อต้านอาจไม่เคยขึ้นไปเลย ต้องไปยืนจุดนั้นจริงๆ แล้วจะรู้ว่าควรทำไม่ทำ ผมอยู่ กทม.ทำไม่ทำก็ไม่เป็นไร แต่ไปยืนจุดนั้นแล้วมาวิเคราะห์กัน ถ้าคนในพื้นที่ไม่สบายใจก็ให้ขึ้นไปดู จูงลูก จูงหลานขึ้นไปดู แล้วมาพูดคุยกัน” พล.อ.สุรศักดิ์กล่าว 

ด้านนายตะวัน สีกานิล ประธานเครือข่ายผู้รักษ์เขาใหญ่ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับความคิดของพล.อ.สุรศักดิ์ กรมอุทยานฯ และอุทยานฯ เขาใหญ่ ที่จะให้สร้างสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่มรดกโลก เนื่องจากไม่เหมาะสม การก่อสร้างในพื้นที่อนุรักษ์ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะจะมีการขนวัสดุก่อสร้างเข้าไปในพื้นที่ผาเดียวดายซึ่งมีทั้งอิฐ หิน ปูนทราย ระหว่างเส้นทางเข้าถึงผาเดียวดายต้องผ่านพืชที่มีความละเอียดอ่อน เช่น มอส เฟิร์น ซึ่งยังบอบช้ำไม่หายจากก่อสร้างเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ (บอร์ดวอล์ก) เมื่อ 3-4 ปีก่อน ซึ่งถูกต่อต้านไปแล้วรอบหนึ่ง ครั้งนี้ รมว.ทรัพยากรฯ สั่งการเองถามว่าเหมาะสมหรือไม่ ที่ผาเดียวดายไม่เคยมีนักท่องเที่ยวตกไปตาย แล้วสถานที่ดังกล่าวก็มีป้ายเตือนนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว นักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวเขาใหญ่ก็ไม่ต้องไปแอคชั่นยืนในที่หวาดเสียวเพราะทุกคนมาท่องเที่ยวเพื่อศึกษาธรรมชาติ นายตะวันกล่าวว่า ถ้ารมว.ทรัพยากรฯ จะทำควรไปแก้ปัญหาการทุจริตบนอุทยานฯ เขาใหญ่จะดีกว่า ซึ่งเวลานี้ สตง.กำลังเข้ามาตรวจสอบเส้นทางศึกษาธรรมชาติ (บอร์ดวอล์ก) บริเวณอ่างเก็บน้ำสายศร หรือ มอสิงโต ซึ่งการก่อสร้างไม่ตรงตามสเปกและไม่มีคนใช้งาน นอกจากนี้พล.อ.สุรศักดิ์ ควรจะออกประกาศหยุดยั้งการท่องเที่ยวในโซนอนุรักษ์ของเขาใหญ่ ที่มีการเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาบริเวณบึงไผ่ เขาแหลม คลองอีเฒ่า และมีการเก็บค่าหัว ทำไม พล.อ.สุรศักดิ์ไม่เน้นเรื่องการอนุรักษ์ ทั้งนี้เครือข่ายฯ จะคัดค้านนโยบายการสร้างรั้วกันตกผาเดียวดายอย่างถึงที่สุด โดยเครือข่ายฯ พร้อมด้วย “น้าหมู” นายพงศ์เทพ กระโดนชำนาญ นักร้องเพลงเพื่อชีวิตชื่อดัง จะขึ้นเวทีด้านหน้าเขาใหญ่ในวันที่ 5 มิ.ย. นี้ ซึ่งเป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก เพื่อคัดค้านและประกาศเจตนารมณ์ในการปกป้องเขาใหญ่มรดกโลก ถ้าพล.อ.สุรศักดิ์ไม่ยอมหยุด เครือข่ายฯ จะเข้าไปยื่นหนังสือถึง พล.อ.สุรศักดิ์และ คสช.ต่อไป